กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน เปิดให้แรงงานข้ามชาติที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายที่ยื่นบัญชีรายชื่อฯ ไว้แล้ว ภายใน 31 ก.ค. 66 ยื่นขอใบอนุญาตทำงาน ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th ภายในวันที่ 15 มกราคม 2567
นายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งนายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งนายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับแล้ว กรมการจัดหางานจึงขอแจ้งให้นายจ้าง สถานประกอบการที่ยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการฯ ต่อกรมการจัดหางานไว้แล้ว ภายใน 31 ก.ค. 66 ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่มติครม.กำหนดได้ทันที และยื่นเอกสารหลักฐานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
สำหรับมติครม.เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 กำหนดให้แรงงานข้ามชาติซึ่งนายจ้างได้ดำเนินการยื่นบัญชีรายชื่อฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ไว้แล้วดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด ซึ่งแบ่งเป็น 2 ช่วงระยะ ดังนี้
1.การดำเนินการระยะแรก ภายในวันที่ 15 มกราคม 2567 เพื่อให้อยู่และทำงานได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567
ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว (แบบ บต. 50) พร้อมเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ผ่านเว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th เป็นช่องทางหลัก หรือหากดำเนินการด้วยตนเองไม่ได้สามารถยื่นที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 ในท้องที่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานของนายจ้าง พร้อมชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอฉบับละ 100 บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานฉบับละ 1,350 บาท โดยนายทะเบียนจะตรวจสอบคำขออนุญาตทำงานและเอกสารหลักฐาน หากถูกต้อง ครบถ้วนจะอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
ทั้งนี้ ให้แรงงานข้ามชาติใช้ทะเบียนใบอนุญาตทำงานและใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานแทนใบอนุญาตทำงานจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงาน
2.การดำเนินการระยะที่ 2 ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เพื่อให้อยู่และทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล จัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางเพื่อตีวีซ่า และจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ
นอกจากนี้สำหรับผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของแรงงานข้ามชาติที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี ซึ่งได้แจ้งรายชื่อไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 (ไม่รับแจ้งใหม่) จะมีสิทธิอยู่ในราชอาณาจักรตามสิทธิของบิดาหรือมารดา
“ขอให้นายจ้าง สถานประกอบการ และแรงงานข้ามชาติให้ความสำคัญศึกษาแนวทางการขอรับใบอนุญาตทำงาน และดำเนินการทุกขั้นตอนให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและการอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดลง ซึ่งกรมการจัดหางานจะตรวจสอบ และดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวด หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน” นายสมชาย กล่าว
23 พฤศจิกายน 2566
ผู้ชม 54 ครั้ง