ค้นหางานด่วน !

เอ็นไอเอหนุนพอร์ตการลงทุนสินค้านวัตกรรม ที่นอนสุขภาพ “ไคเทกิ”โลคอลแบรนด์จาก “นิลมังกร” สู่แบรนด์ร้อยล้าน ผ่านแคมเปญ “นิลมังกร 10X” พร้อมขยายดีมานด์ตลาดการแพทย์ สุขภาพ และสังคมสูงวัย

หมวดหมู่: ข่าวเด่นวันนี้

 

กรุงเทพฯ 8 สิงหาคม 2567 - กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดตัวธุรกิจที่ 2 ในโครงการ “นิลมังกร 10X” ที่นอนสุขภาพไคเทกิ ผลิตภัณฑ์จากยางพาราของไทยที่ขยายผลธุรกิจนวัตกรรมมาจากผู้ประกอบการนิลมังกร เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดทุน และยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมของผู้ประกอบการไทยในส่วนภูมิภาคให้มียอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี โดยมุ่งเจาะตลาดกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และกลุ่มคนรักสุขภาพ

 

 

          ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า NIA ในฐานะหน่วยงานหลักสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดธุรกิจนวัตกรรม พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในภูมิภาคได้พัฒนาธุรกิจให้เติบโตด้วยนวัตกรรมผ่านกลยุทธ์ 4G ได้แก่ Groom พัฒนาทักษะผู้ประกอบการให้มีความพร้อมในการสร้างนวัตกรรม Grant ทุนสนับสนุนในการสร้างนวัตกรรม Growth พัฒนาทักษะผู้ประกอบการให้สามารถขายได้หรือระดมทุนได้ และ Global สนับสนุน ส่งเสริม และสร้างเครือข่ายให้ผู้ประกอบการนำสินค้าไปในตลาดโลกได้ ซึ่งจากการดำเนิน “โครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย (นิลมังกร) รุ่นที่ 1 และ 2” พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังขาดองค์ความรู้ที่จะทำให้ยอดขายสินค้าเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ดังนั้น NIA จึงร่วมกับศูนย์แบรนด์เคยูมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกลุ่มนักลงทุนอิสระ ผลักดันธุรกิจนวัตกรรมให้เกิดการขยายผลผ่านโครงการ “นิลมังกร 10x” โดย NIA จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงผู้ผลักดันและยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมของผู้ประกอบการส่วนภูมิภาค รวมถึงการเพิ่มยอดขายให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการเชื่อมโยง “คนเก่ง และ คนมีทุน” เพื่อช่วยวางแผนธุรกิจ แผนการตลาด และลงมือปฏิบัติงาน หรือกิจกรรมตามแผนธุรกิจและแผนการตลาดที่กำหนด เพื่อสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมคุณภาพสูงเข้าสู่ตลาดทุน และมียอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี จำนวน 4 ธุรกิจ/ปี

          “ปัจจุบันประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ และในปี 2574 จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด หรือมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่าร้อยละ 28 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งอาจจะทำให้มีผู้สูงอายุกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงประมาณร้อยละ 3 หรือ 4 แสนคนจากผู้สูงอายุที่มีอยู่ประมาณ 13 ล้าน ดังนั้น โจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรให้ประเทศไทยสามารถเตรียมพร้อมรับมือในการวางโครงสร้างให้เหมาะกับสังคมผู้สูงอายุระยะยาวได้ NIA จึงเห็นโอกาสการผลักดันนวัตกรรมสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุอย่าง “ที่นอนสุขภาพภายใต้แบรนด์ไคเทกิ (Kaiteki)” ของห้างหุ้นส่วนจำกัด เคทีซี ที่นอนน้ำ ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนด้วยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบเพื่อสุขภาพและการนอนหลับที่ดีจากยางพาราคุณภาพสูงผสานกับน้ำ และได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากหลายหน่วยงาน ซึ่งนอกจากจะตอบโจทย์การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้วัตถุดิบการเกษตรในประเทศแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย”

          ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า การโค้ชชิ่งสำหรับการสร้างแบรนด์มีหลายรูปแบบที่สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคลหรือองค์กร เช่น แบบตัวต่อตัว แบบกลุ่ม แบบมีผู้เชี่ยวชาญ แบบเชิงกลยุทธ์ แบบเวิร์กชอป เป็นต้น ซึ่งรูปแบบที่จะนำมาใช้กับ “ที่นอนสุขภาพไคเทกิ” นั้น จะเป็นการให้ทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเข้าไปศึกษาธุรกิจในทุกมิติ เพื่อนำมาออกแบบแนวทางการพัฒนาให้สามารถเติบโตไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของแบรนด์ ซึ่งจุดสำคัญที่สุดคือ ต้องหาจุดเปลี่ยนของธุรกิจให้เจอและสร้างกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ โดยไม่ลืมระบบหลังบ้านที่ต้องรองรับการดำเนินงานหน้าบ้านด้วย ดังนั้น เมื่อผู้ประกอบการลงมือปฏิบัติจริงในทุกมิติ จะทำให้ธุรกิจเกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ถือเป็นแหล่งการศึกษาที่มีองค์ความรู้ ผู้เชี่ยวชาญมากมาย รวมทั้งกลุ่มงานวิจัยและเทคนิคทางการตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการและภาคธุรกิจในการนำไปขยายผล และต่อยอดแบรนด์ให้มีการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ

          คุณทรงพล ชัญมาตรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูมฟัก จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์ประเทศไทยที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ในฐานะนักลงทุนเราจึงมองเห็นโอกาสของนวัตกรรม “ที่นอนสุขภาพไคเทกิ” เนื่องจากเป็นสินค้านวัตกรรมที่ตอบโจทย์ได้จริง มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนและขนาดใหญ่มากพอนั่นคือ ผู้ที่นอนไม่หลับ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการและครอบครัวที่มีต่อสินค้าและชุมชนในพื้นที่ โดยต้องมีการวางแผนรูปแบบการปั้นธุรกิจนี้ในลักษณะ “ขายน้อยกำไรมาก” แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อลดต้นทุนของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากปัจจุบันผลิตภัณฑ์ยังไม่ถึงจุดสมดุล ทำให้ต้นทุนสูง และผู้ประกอบการเองยังมีทุนไม่มากนัก

 

 

          นางสาวธญานี เทอดโยธิน หุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เคทีซี ที่นอนน้ำ กล่าวว่า “ที่นอนสุขภาพไคเทกิ” เกิดจากการรวมคุณสมบัติพิเศษของส่วนประกอบ 3 อย่าง คือ 1. ยางพารา 2. น้ำ และ 3. ผ้าซาติน เพื่อแก้ปัญหาในตอนแรกที่เคยใช้ PVC มาผลิตเป็นที่นอน แล้วมีอายุการใช้งานสั้นเพียง 1-2 เดือน ก็จะรั่ว จึงมีแนวคิดที่จะนำวัสดุทางธรรมชาติของไทยอย่างยางพาราจากธรรมชาติ 100% ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุดในโลกด้านความเหนียวและยืดหยุ่น เมื่อนำมาแปรรูปเป็นลอนแบบพิเศษขนาด 3 ฟุต แล้วใส่น้ำ จะทำให้ที่นอนมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยระบายความร้อน กระจายน้ำหนักได้ดี สามารถรองรับสรีระของผู้นอนได้มากถึง 100 กิโลกรัม โดยไม่เกิดการกดทับในจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ผู้นอนรู้สึกสบายเมื่อถึงช่วงที่หลับลึก ซึ่งนอกจากผู้ป่วยติดเตียงแล้ว ยังเหมาะกับผู้สูงอายุ และกลุ่มที่มีปัญหานอนหลับยากอีกด้วย

 

 

          “ที่นอนสุขภาพที่มีในท้องตลาดปัจจุบันส่วนใหญ่ผลิตจาก PVC ต่างจากที่นอนสุขภาพของไคเทกิ ที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติ 100% แบบฟู้ดเกรด สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง โดยเฉพาะไม่มีสารไนโตซามีน ที่เป็นสารก่อมะเร็ง จึงมีโอกาสเติบโตได้สูงทั้งกลุ่มตลาดผู้สูงอายุและตลาดสุขภาพในอนาคต อีกทั้งยังสามารถก้าวสู่ตลาดระดับโลกได้ เนื่องจากเราเป็นผู้ประกอบการเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยที่นำยางพารามาผลิตเป็นที่นอนน้ำเพื่อสุขภาพ และได้รับการขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมอีกด้วย แต่ปัจจุบันยังติดปัญหาด้านราคาค่าขนส่งสูง เพราะมีน้ำหนักมาก ซึ่งการได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการนิลมังกร 10X นี้ นอกจากจะช่วยให้ยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดสู่ระดับ 100 ล้านแล้ว การมีเครือข่ายธุรกิจจะช่วยให้เป้าหมายที่ต้องการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศสามารถเกิดขึ้นจริงได้ ถือเป็นโอกาสดีที่ผลิตภัณฑ์ของไทยจะได้ขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ตลาดโลก และดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศ”

09 สิงหาคม 2567

ผู้ชม 35 ครั้ง

ผู้เข้าชมเว็บไซต์ : 24282770
Engine by shopup.com